กดเพิ่มเพื่อน เพื่อคุยกันผ่าน LINE ได้เลยครับ ปุ่มด้านล่าง

เพิ่มเพื่อน

Health information

Herbs

Post Page Advertisement [Top]


            ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการ  Menopause Academic Conference 2015 โดยสมาคมวัยหมดระดูแห่งประเทศไทย โดยมีหัวข้อที่เป็นเรื่องราวของ สมุนไพรไทยทศวรรษใหม่ของการรักษาและส่งเสริมสุขภาพสตรีไทยซึ่งบรรยายโดย รศ.ภญ.พร้อมจิต ศรลัมพ์ ได้กล่าวถึงสมุนไพรตำรับที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของสตรีหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือ ยาตำรับประสะไพล

            ยาตำรับประสะไพล ถูกประกาศในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2556 กลุ่มบัญชียาจากสมุนไพร ในหัวข้อยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา ใช้รักษาอาการระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ, บรรเทาอาการปวดประจำเดือน, ขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
            ในตำรับนี้สมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบหลักคือ เหง้าไพล ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นผลิตภัณฑ์ใช้สำหรับภายนอก เช่นน้ำมันไพล หรือครีมไพล แก้ปวดเมื่อย นอกจากจะมีสรรพคุณลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าไพลสามารถยับยั้งการบีบตัวของมดลูก ลำไส้และกระเพาะอาหารได้
            นอกจากสมุนไพรหลักแล้ว สมุนไพรที่ประกอบในตำรับก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น พริกไทย (Piper nigrum) จากการวิจัยพบว่ามีฤทธิ์ลดการบีบตัวของมดลูก ในสัตว์ทดลอง หรือ สาร Curcuminoids ในขมิ้นอ้อย ก็มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้และมดลูกเช่นเดียวกัน
            กรณีปวดประจำเดือน ในกรณีที่มีอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ ให้รับประทานยา ก่อนมีประจำเดือน 2 - 3 วันไปจนถึงวันแรกและวันที่สองที่มีประจำเดือน โดยรับประทานครั้งละ 1 กรัม (แคปซูล 500mg จำนวน 2 แคปซูล) วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
            สำหรับวิธีใช้ ในกรณีระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ  ให้รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3 - 5 วัน เมื่อระดูมา ให้หยุดรับประทาน   
            กรณีขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ให้รับประทานจนกว่าน้ำคาวปลาจะหมด แต่ไม่เกิน 15 วัน
            ห้ามใช้ในหญิงตกเลือดหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีไข้ นอกจากนี้ยังห้ามรับประทานในหญิงที่มีระดูมากกว่าปกติ เพราะจะทำให้มีการขับระดูออกมามากขึ้น
            ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของ ตับ ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกิดพิษได้
           
             

No comments:

Post a Comment

Bottom Ad [Post Page]