กดเพิ่มเพื่อน เพื่อคุยกันผ่าน LINE ได้เลยครับ ปุ่มด้านล่าง

เพิ่มเพื่อน

Health information

Herbs

Post Page Advertisement [Top]


            ในทุกๆวันกระผมจะได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ ภาวะไขมันพอกตับ วันละ3-4 ราย ประเมินได้ว่าประชาชนน่าจะมีปัญหานี้กันเยอะ จึงอยากนำข้อมูลเรื่องนี้มาบอกกล่าวให้ทุกท่านได้อ่านกันในฉบับนี้ครับ

            ภาวะไขมันพอกตับ หมายถึงภาวะที่มีการสะสมของไขมัน ไม่ได้หมายถึงพอกอยู่รอบๆตามชื่อเรียกเท่านั้นแต่ไขมันจะแทรกอยู่ในตับ(ระดับเซลล์) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ Triglyceride โดยที่คนๆนั้นไม่ได้ดื่มสุรา ทางการแพทย์เรียกว่า Non-Alcoholic Fatty Liver Disease (NAFLD) จะทำให้ตับทำงานผิดปกติ ตับอักเสบและอาจพัฒนาเป็นตับแข็งในที่สุด ในประเทศไทยก็จะพบภาวะนี้ได้มากขึ้นตามโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันในโลหิตสูง โดยจะพบมากในช่วงวัยกลางคน คือ อายุ 45-60 ปี

            อย่างไรก็ตามภาวะไขมันพอกตับจะเป็นภาวะที่มีการดำเนินของโรคช้าๆ เป็น 10 ปี เริ่มตั้งแต่ระยะที่ 1 พัฒนาไประยะที่ 2 ถึงระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย แต่ในระหว่างนั้นก็จะมีอาการอื่นๆตามมา อย่างเช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย โดยส่วนใหญ่คนไข้จะถูกตรวจพบจากค่าเลือด ค่าเอนไซม์ตับ เมื่อเวลาคนไข้มาตรวจสุขภาพประจำปี เพราะในระยะแรกๆแทบจะไม่มีอาการแสดงเลย

            การรักษาในปัจจุบันจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาหารเป็นหลัก โดยมีการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Obesity ซึ่งทำในประเทศญี่ปุ่น ทำการศึกษาการลดไขมันที่ตับโดยการจำกัดปริมาณแคลอรี่อย่างเดียวเปรียบเทียบกับการจำกัดแคลอรี่ร่วมกับการออกกำลัง ซึ่งนักวิจัยจะให้อาสาสมัครรับประทานอาหาร 25 kcal/kg และอีกกลุ่มจะให้รับประทานอาหาร 25 kcal/kg ร่วมกับการออกกำลังกาย 300 นาที/สัปดาห์ ระยะเวลาการศึกษาคือ 3 เดือน ผลการศึกษาพบว่า ทั้งสองกลุ่มน้ำหนักตัวลดลง, มวลไขมันลดลง, ไขมันตามแขนและขาลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วไม่มีความแตกต่างกันระหว่างสองกลุ่ม ส่วนไขมันที่ตับมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในทั้งสองกลุ่ม แต่ไม่แตกต่างกันเมื่อเทียบระหว่างกลุ่ม โดยสรุปแล้วนักวิจัยได้สรุปว่าการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายมีผลในการลดไขมันที่ตับได้และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดได้ แต่การเพิ่มการออกกำลังกายร่วมกับการควบคุมอาหารไม่มีผลต่อไขมันที่ตับและค่าเอนไซม์ตับแต่อย่างใด

            นอกจากการควบคุมอาหารแล้วปัจจัยหนึ่งที่ยังคงมีผลต่อตับโดยตรงเลยคือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ผู้ที่มีไขมันพอกตับแล้วควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์โดยเด็ดขาด เพื่อลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดการเป็นโรคตับแข็งในเวลาต่อมา

            โดยสรุปแล้วการดูแลภาวะไขมันพอกตับ(ในกรณีที่ไม่มีอาการตับอักเสบ) นั้น ไม่ยากเลยเนื่องจากใช้แค่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร,การควบคุมน้ำหนัก ลดอาหารไขมัน อาหารหวาน ควบคุมปริมาณแป้งที่รับประทานไม่ให้มากเกินไป เพียงเท่านี้ก็สามารถลดไขมันพอกตับได้แล้วครับ
           

No comments:

Post a Comment

Bottom Ad [Post Page]