ยา “ที่กินบ่อย ๆ” อาจทำให้ความจำแย่ลง โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคจิตเภท
โรคจิตเภทคืออะไร?
โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นโรคทางจิตใจชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อการคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้ป่วย
อาการที่พบได้บ่อย เช่น
-
หูแว่ว เห็นภาพหลอน (ได้ยินเสียงหรือเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
-
มีความเชื่อหรือความคิดผิด ๆ (เช่น คิดว่ามีคนตามทำร้าย ทั้งที่ไม่มีจริง)
-
พูดหรือแสดงพฤติกรรมแปลกไปจากเดิม
-
แยกตัว ไม่สุงสิงกับคนรอบข้าง
-
ดูแลตัวเองน้อยลง ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
-
ความคิด การพูด การตัดสินใจช้าลง หรือไม่เป็นเหตุเป็นผล
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องกินยาหลายตัว
ผู้ป่วยโรคจิตเภทส่วนใหญ่มักต้องรับประทานยาต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการ เช่น ยาควบคุมอารมณ์ ยาแก้อาการหลอน รวมถึงยาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการข้างเคียงของยา เช่น มือสั่น หรือเครียดนอนไม่หลับ
ยาที่กินต่อเนื่องอาจมีผลเสียต่อสมอง
-
ยาหลายชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด หรือยาบรรเทาอาการมือสั่น หากใช้ติดต่อกันนาน ๆ หรือใช้หลายตัวร่วมกัน อาจส่งผลเสียต่อ “ความจำ สมาธิ และการคิดวิเคราะห์” ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันยากขึ้น
-
ยังอาจมีอาการปากแห้ง ตาพร่ามัว ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก หรือถึงขั้นเพ้อหรือสับสน
ทำไมต้องระวัง?
-
งานวิจัยล่าสุดพบว่า ถ้าสามารถลดยาเหล่านี้ได้ (โดยเฉพาะในผู้ที่อาการจิตเภทคงที่และไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้อาการข้างเคียงอีกต่อไป) จะช่วยให้สมองและความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
-
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ลดยาได้โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
สรุปสั้น ๆ
“ในผู้ป่วยโรคจิตเภท ยาบางชนิดที่ใช้ต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้ความจำและสมองทำงานแย่ลง หากไม่จำเป็นควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับลดหรือหยุดยา เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
หมายเหตุ:
ห้ามหยุดยาหรือปรับยาเอง ควรให้แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้แนะนำ
แหล่งข้อมูล:
Chengappa KNR, et al. (2025). Am J Psychiatry
No comments:
Post a Comment