การบริโภคน้ำมันรำข้าวนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวเอเชียมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกข้าวหลักของโลก โดยภายหลังได้รับความนิยมในตลาดฝั่งตะวันตกสูงขึ้นเรื่อยๆ จากประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการที่เหนือกว่าน้ำมันชนิดอื่น จนได้ขนานนามว่า “Heart oil” หรือ “น้ำมันที่ดีต่อหัวใจ”
ในน้ำมันรำข้าวนั้นพบสารชีวภาพหลายร้อยชนิดแต่สารที่พบเยอะและมีฤทธิ์ต่อร่างกายหลักๆ
คือ โทโคฟีรอล (tocopherols) โทโคไทรนอล
(tocotrienols) และแกมม่าโอไรซานอล (Gamma-oryzanol) โดยมีผลต่อระบบต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ผลยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะ
ผลต่อการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ผลต่อการยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
นอกจากนี้ผลต่อการลดระดับไขมันในเลือด
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจนั้นมีหลายประการ
หนึ่งในนั้นคือระดับไขมันในเลือดสูง ส่งผลทำให้ผนังหลอดเลือดแข็ง
หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด
ดังนั้นหากเราควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นอย่างดี
อภัยภูเบศรได้เริ่มทำผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูลมาซักระยะหนึ่ง
โดยข้างฉลากแนะนำให้รับประทานวันละ 2 แคปซูล สำหรับการเป็นอาหารเสริม
จึงเกิดเป็นคำถามตามมาว่าหากต้องการผลในการลดระดับไขมันในเลือดนั้นควรรับประทานกี่แคปซูล
จากงานวิจัยในมนุษย์ที่ผ่านมาได้ลองทดสอบประสิทธิภาพของการรับประทานน้ำมันรำข้าวในคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง
การศึกษาครั้งนี้เพื่อวิจัยว่าสารสำคัญในน้ำมันรำข้าวคือแกมม่าโอไรซานอลขนาด 50
และ 800 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 4 สัปดาห์ จะมีผลต่อระดับไขมันในเลือดอย่างไร
ผลการศึกษาพบว่าแกมม่าโอไรซานอลทั้ง 2 ขนาดมีผลในการลดระดับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูลของอภัยภูเบศร
1 แคปซูลประกอบด้วยกรดโอเลอิก 200 มิลลิกรัม กรดไลโนเลอิก 150 มิลลิกรัม แกมม่าโอไรซานอล
8.8 มิลลิกรัม และวิตามินอี 0.41 มิลลิกรัม
ดังนั้นหากคำนวณตามงานวิจัยที่ผ่านมาแล้วแนะนำให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 3
ครั้ง จึงจะได้รับสารแกมม่าโอไรซานอลสำหรับการลดระดับไขมันในเลือดอย่างพอเหมาะ
อย่างไรก็ตามการรับประทานยานั้นควรทำร่วมกับการปรับพฤติกรรมเสมอ
แนะนำออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง การควบคุมอาหาร
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ปรับอารมณ์ไม่ให้เครียดเพราะความเครียดทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้นได้
เพียงเท่านี้ก็เป็นการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรให้ห่างไกลโรคได้แล้ว
No comments:
Post a Comment